หลายๆ คนอาจเข้าใจผิดว่าการหลั่งช้าระหว่างมีเพศสัมพันธ์นั้น หมายถึงความสามารถทางเพศที่ยอดเยี่ยม แต่ในความเป็นจริง สิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะหลั่งยาก (หรือที่เรียกว่า ภาวะเสื่อมสมรรถภาพในการหลั่ง)
บทความนี้จะพาทุกท่านไปไขข้อข้องใจเกี่ยวกับสาเหตุของการหลั่งช้า ว่าเกี่ยวข้องกับภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือไม่ และวิธีการรับมือกับปัญหานี้
ภาวะหลั่งยากคืออะไร?
ภาวะหลั่งยาก หมายถึง ภาวะที่ผู้ชายไม่สามารถหลั่งน้ำอสุจิได้ตามที่ต้องการ หรือไม่สามารถหลั่งได้เลยระหว่างมีเพศสัมพันธ์
สาเหตุของการหลั่งช้า
การหลั่งช้าอาจเกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้:
1. ปัจจัยทางจิตใจ:
- ความวิตกกังวล
- ความเครียด
- ภาวะซึมเศร้า
- ปัญหาความสัมพันธ์
2. ปัจจัยทางร่างกาย:
- ฮอร์โมนเพศชายไม่สมดุล
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท
- โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
- ผลข้างเคียงจากยา
3. ผลข้างเคียงจากยา:
- ยารักษาโรคซึมเศร้า
- ยาลดความดันโลหิต
- ยาแก้ปวดบางชนิด
4. การผ่าตัดหรือบาดเจ็บ:
- การผ่าตัดบริเวณอวัยวะเพศหรืออุ้งเชิงกราน
- การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
5. พฤติกรรมการสำเร็จความใคร่:
- การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองบ่อยครั้งในแบบเดิมๆ
การหลั่งช้าเกี่ยวข้องกับภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือไม่?
ความเข้าใจผิด: บางคนอาจคิดว่าการหลั่งช้าเป็นสัญญาณของความสามารถทางเพศที่ยอดเยี่ยม
ความจริง: ในความเป็นจริงแล้ว การหลั่งช้าอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพกายหรือสุขภาพจิต
วิธีรับมือกับการหลั่งช้า
1. ปรึกษาแพทย์: สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการหลั่งช้า แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและซักประวัติ
2. การบำบัดทางจิต: หากสาเหตุมาจากปัจจัยทางจิต การบำบัดทางจิต เช่น การพูดคุยบำบัด
3. ปรับยา: หากยาที่ใช้เป็นสาเหตุ แพทย์อาจปรับยาหรือเปลี่ยนยาใหม่
4. การศึกษาเกี่ยวกับเพศ: เรียนรู้เกี่ยวกับเพศ ศึกษาเกี่ยวกับวัฏจักรการตอบสนองทางเพศและกลไกการหลั่ง
5. ฝึกเทคนิคการมีเพศสัมพันธ์: ฝึกเทคนิคการมีเพศสัมพันธ์ที่ช่วยให้ผู้ชายหลั่งช้าลง เช่น การหยุดพักชั่วคราว (stop-start technique)
6. ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต: ลดความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์
7. การกายภาพบำบัด: ในบางกรณี การกายภาพบำบัดอาจช่วยปรับปรุงการหลั่งได้
8. อุปกรณ์เสริม: การใช้อุปกรณ์เสริม เช่น penis ring
9. การแพทย์แผนจีน: พิจารณาใช้ยาสมุนไพรจีนหรือการฝังเข็ม